10ปีกองทุนหุ้นผลตอบแทน 217%
กองหุ้น10ปีรีเทิร์น21%แนะนักลงทุนมองยาว
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
"กองทุนหุ้น 10 ปี" โชว์ผลตอบแทนเฉลี่ย 21.73% ต่อปี "บลจ.บัวหลวง" แชมป์กองทุนหุ้นใหญ่ 40.79%ต่อปี ด้าน"บลจ.อเบอร์ดีน" แชมป์กองหุ้นกลาง-เล็ก 30.95% ต่อปี ในขณะที่ "นายกสมาคมบลจ." ชี้รอบ 13 ปี ผ่านวิกฤติมามากมายยังสร้างผลตอบแทนได้ดี แนะนักลงทุนมองระยะยาวเป็นสาคัญ ส่วนปัจจัยการเมืองแค่ผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
จากผลการสำรวจผลการดำเนินงาน ของ "กองทุนหุ้น" ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา พบว่า ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนรวม 231.74% (23.17% ต่อปี) นั้น "กองทุนหุ้น" ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 217.25% (21.73% ต่อปี) โดยกองที่มีผลงานดีสุดให้ผลตอบแทน 407.88% (40.79% ต่อปี) ในขณะที่กองที่แย่สุดให้ผลตอบแทน 101.81% (10.18% ต่อปี) หรือต่างกันอยู่ 306.07% (30.61% ต่อปี) "จากกองหุ้น 95 กอง มี 36 กอง คิดเป็นสัดส่วน 37.90% ที่เอาชนะดัชนีได้ ในขณะที่อีก 59 กอง คิดเป็นสัดส่วน 62.10% แพ้ดัชนี"
สำหรับกลุ่ม "กองหุ้นขนาดใหญ่" ที่มีผลงานดีสุด 3 อันดับ นามาโดย อันดับ1. "กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล" ของบลจ.บัวหลวง ได้ 5 ดาว ให้ผลตอบแทน 407.88% (40.79% ต่อปี) 2."กองทุนเปิดบัวแก้ว" ของบลจ.บัวหลวง ได้ 5 ดาว ให้ผลตอบแทน 348.67% (34.87% ต่อปี) และ 3. "กองทุนเปิดบัวแก้ว 2 " ของบลจ.บัวหลวง ได้ 5 ดาว ให้ผลตอบแทน 335.47% (33.55% ต่อปี)
ส่วนกลุ่ม "กองหุ้นขนาดกลาง-เล็ก" ที่มีผลงานดีสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1."กองทุน เปิดอเบอร์ดีนโกรท" ของบลจ.อเอบร์ดีน ได้ 4 ดาว ให้ผลตอบแทน 309.53% (30.95% ต่อปี) 2. "กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสมาร์ทแคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ" ของบลจ.อเบอร์ดีน ได้ 4 ดาว ให้ผลตอบแทน 304.15% (30.41% ต่อปี) และ 3. "กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นแวลู" ของบลจ.กรุงศรีได้ 3 ดาว ให้ผลตอบแทน 216.09% (21.61% ต่อปี)
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า การลงทุนระยะยาวในหุ้นยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนประเภทอื่นโดยเปรียบเทียบ จากสถิติพบว่าในช่วง 13 ปี ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.9% ต่อปี พันธบัตรอายุ 3-7 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.5% ต่อปี เงินฝากประจา 1 ปี ให้ผลตอบแทน 2.1% ต่อปี และทองคำให้ผลตอบแทน 10.2% ต่อปี ดังนั้นหากนักลงทุนต้องการสะสมความมั่งคั่งในระยะยาวการลงทุนในหุ้นจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
"ในรอบ 13 ปี ที่ผ่านมา ไทยเจอวิกฤติทั้งต่างประเทศและในประเทศมาหลายครั้ง แต่การลงทุนในหุ้นระยะยาวก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้ ครั้งนี้ก็เช่นกันเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้อีกและพื้นฐานของไทยในระยะยาวก็ยังดีอยู่ จึงแนะนำให้นักลงทุนหันมามองภาพระยะยาวของการลงทุนมากกว่าที่จะมากังวลกับปัจจัยระยะสั้นมากจนเกินไป จนอาจจะทาให้เสียโอกาสในการลงทุนไปได้เช่นกัน"
Source - เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ (Th)
"กองทุนหุ้น 10 ปี" โชว์ผลตอบแทนเฉลี่ย 21.73% ต่อปี "บลจ.บัวหลวง" แชมป์กองทุนหุ้นใหญ่ 40.79%ต่อปี ด้าน"บลจ.อเบอร์ดีน" แชมป์กองหุ้นกลาง-เล็ก 30.95% ต่อปี ในขณะที่ "นายกสมาคมบลจ." ชี้รอบ 13 ปี ผ่านวิกฤติมามากมายยังสร้างผลตอบแทนได้ดี แนะนักลงทุนมองระยะยาวเป็นสาคัญ ส่วนปัจจัยการเมืองแค่ผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
จากผลการสำรวจผลการดำเนินงาน ของ "กองทุนหุ้น" ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา พบว่า ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนรวม 231.74% (23.17% ต่อปี) นั้น "กองทุนหุ้น" ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 217.25% (21.73% ต่อปี) โดยกองที่มีผลงานดีสุดให้ผลตอบแทน 407.88% (40.79% ต่อปี) ในขณะที่กองที่แย่สุดให้ผลตอบแทน 101.81% (10.18% ต่อปี) หรือต่างกันอยู่ 306.07% (30.61% ต่อปี) "จากกองหุ้น 95 กอง มี 36 กอง คิดเป็นสัดส่วน 37.90% ที่เอาชนะดัชนีได้ ในขณะที่อีก 59 กอง คิดเป็นสัดส่วน 62.10% แพ้ดัชนี"
สำหรับกลุ่ม "กองหุ้นขนาดใหญ่" ที่มีผลงานดีสุด 3 อันดับ นามาโดย อันดับ1. "กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล" ของบลจ.บัวหลวง ได้ 5 ดาว ให้ผลตอบแทน 407.88% (40.79% ต่อปี) 2."กองทุนเปิดบัวแก้ว" ของบลจ.บัวหลวง ได้ 5 ดาว ให้ผลตอบแทน 348.67% (34.87% ต่อปี) และ 3. "กองทุนเปิดบัวแก้ว 2 " ของบลจ.บัวหลวง ได้ 5 ดาว ให้ผลตอบแทน 335.47% (33.55% ต่อปี)
ส่วนกลุ่ม "กองหุ้นขนาดกลาง-เล็ก" ที่มีผลงานดีสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1."กองทุน เปิดอเบอร์ดีนโกรท" ของบลจ.อเอบร์ดีน ได้ 4 ดาว ให้ผลตอบแทน 309.53% (30.95% ต่อปี) 2. "กองทุนเปิดอเบอร์ดีนสมาร์ทแคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ" ของบลจ.อเบอร์ดีน ได้ 4 ดาว ให้ผลตอบแทน 304.15% (30.41% ต่อปี) และ 3. "กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นแวลู" ของบลจ.กรุงศรีได้ 3 ดาว ให้ผลตอบแทน 216.09% (21.61% ต่อปี)
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.บัวหลวง ในฐานะนายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AIMC) เปิดเผยว่า การลงทุนระยะยาวในหุ้นยังเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนประเภทอื่นโดยเปรียบเทียบ จากสถิติพบว่าในช่วง 13 ปี ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 12.9% ต่อปี พันธบัตรอายุ 3-7 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.5% ต่อปี เงินฝากประจา 1 ปี ให้ผลตอบแทน 2.1% ต่อปี และทองคำให้ผลตอบแทน 10.2% ต่อปี ดังนั้นหากนักลงทุนต้องการสะสมความมั่งคั่งในระยะยาวการลงทุนในหุ้นจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
"ในรอบ 13 ปี ที่ผ่านมา ไทยเจอวิกฤติทั้งต่างประเทศและในประเทศมาหลายครั้ง แต่การลงทุนในหุ้นระยะยาวก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้ ครั้งนี้ก็เช่นกันเชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้อีกและพื้นฐานของไทยในระยะยาวก็ยังดีอยู่ จึงแนะนำให้นักลงทุนหันมามองภาพระยะยาวของการลงทุนมากกว่าที่จะมากังวลกับปัจจัยระยะสั้นมากจนเกินไป จนอาจจะทาให้เสียโอกาสในการลงทุนไปได้เช่นกัน"